ตกกิโลกรัมละ 80-200 บาท แล้วแต่ฤดูกาลเกษตรกรบางรายสามารถทำรายได้สูงกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน เห็ดลมเป็นเห็ดพื้นเมืองอีกชนิดหนึ่ง ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อการเพาะปลูกเป็นการค้า ซึ่งกรม
วิชาการเกษตร โดยอัญชลี (2540ข) ได้คัดเลือกสายพันธุ์ดีไว้บริการและจำหน่ายแก่เกษตรก ร พร้อมทั้งได้วิจัยและพัฒนาสูตรวัสดุเพาะ ซึ่งมีหลายสูตรด้วยกัน ดังนี้
สูตรวัสดุเพาะที่ 1 - ขี้เลื่อยไม้ยางพารา หรือไม้มะม่วง มะขาม 100 กิโลกรัม
- น้ำตาลทราย 2-3 กิโลกรัม
- รำ 3-5 กิโลกรัม
- ปูนขาว 1 กิโลกรัม
- น้ำ 65-75 กิโลกรัม (ลิตร)
สูตรวัสดุเพาะที่ 2
- ไม้เบญพรรณ 100 กิโลกรัม
- แอมโมเนียมชัลเฟต 1 กิโลกรัม
- ปูนขาว 1 กิโลกรัม
- ผสมส่วนผสมทั้ง 3 ชนิด หมักกับน้ำประมาณ 2-3 เดือน กลับกองประมาณ 3-4 ครั้ง นำไปผสมกับ รำละเอียด 3 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัมปรับความชื้นประมาณ 50 – 55 เปอร์เซ็นต์วัสดุและอุปกรณ์
1. ถุงพลาสติกใสทนร้อนขนาด 3X13 นิ้ว
2. คอขวดพลาสติกทนร้อน
3. สำลี ยางรัด
4. หม้อนึ่งลูกทุ่ง
5. วัสดุเพาะตามสูตร
6. โรงพักบ่มเลี้ยงใยและโรงเรือนเปิดดอก
วิธีการ
1. ผสมสูตรวัสดุเพาะเข้าด้วยกัน โดยนำน้ำตาลละลายในน้ำจากนั้นนำไปรดบนขี้เลื่อย ซึ่งผสมกับรำไว้เรียบร้อยแล้ว ผสมจนเข้ากันดี จึงนำไปบรรจุในถุงพลาสติกทนร้อน กดให้แน่น
2. รวบปากถุง รวบคอขวด จีบและพับปากถุง ดึงให้ตึงรัดด้วยยางวง แล้วอุดด้วยฝ้ายหรือสำลี และนำกระดาษหนังสือพิมพ์หรือฝาครอบพลาสติกมาปิดไว้ ป้องกันไม่ให้สำลีเปียก ขณะทำการนึ่งวัสดุเพาะ
3. นำไปเรียงในหม้อนึ่งลูกทุ่ง เต็มแล้วจึงปิดฝา แล้วนึ่งโดยไม่ใช้ความดันเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมง โดยใช้ไฟสม่ำเสมอสังเกตุให้ไอน้ำพุ่งตรงตลอดเวลา ต้องพยายามเติมเชื้อเพลิงให้สม่ำ เสมอด้วย เมื่อได้เวลาแล้ว นำมาทิ้งไว้ให้เย็นในที่สะอาด และ อากาศโปร่ง แล้วนำเชื้อ ขยายมาถ่ายลงถุงเพาะ พยายามใส่เชื้อขยายภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากถุงเพาะเย็นแล้ว มิฉะนั้นเส้นใยจะเดินไม่ตรง เนื่องจากจะมีเชื้อปนเปื้อนเข้ามาแทรกได้การพักบ่มเส้นใย
เส้นใยที่เจริญในถุงวัสดุเพาะเห็ด 1 กิโลกรัม จะใช้เวลา 30-35 วัน จึงจะเติม ถุงเพาะเพื่อเส้นใยเดินเต็มถุงต้องพักบ่มเส้นใยต่อไป จนเส้นใยเริ่มสร้างสีน้ำตาล โดย เฉลี่ยจะใช้เวลา 80-90 วัน จึงนำไปเปิดดอก โรงพักบ่มเส้นใยควรเป็นโรงเรือนที่ร่ม โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 28-35 องศาเซลเซียส
โรงเรือนเปิดดอกคล้ายโรงเรือนของเห็ดขอนขาว สามารถมุงด้วยพลาสติกและพรางแสงด้วยซาแลน ไม่จำเป็นต้องใช้แฝกหรือจาก เพราะเป็นเห็ดที่ชอบอุณหภูมิสูง โดยให้มีความชื้น 70-80 %
ในการเปิดดอกเห็ดลม เห็ดจะออกดอกได้ดี เมื่ออากาศแปรปรวนหรืออุณหภูมิกลางวัน ต่อกลางคนต่างกันมาก
มีเกษตรกรที่ชำนาญการเพาะเห็ดลมในภาคอีสาน นิยมกระตุ้น ให้เห็ดออกดอกสม่ำเสมอโดยปิดโรงเรือนให้ร้อนในช่วงเที่ยงถึงบ่าย 3 โมงเย็น โดย อุณหภูมิในโรงเรือนอยู่ระหว่าง 35-37 องศาเซลเซียส แต่ไม่ควรเกิน 40 องศาเซลเซียส เพราะเส้นใยอาจตายได้ หากอุณหภูมิขึ้นสูงมาก ก็จะระบายความร้อนโดยการรดน้ำด้วย สปริงเกอร์ ส่วนในเวลากลางคืนจะเปิดโรงเปิดดอก ให้ได้รับความเย็นและอากาศ ถ่ายเทได้เต็มที่ จะช่วยให้ผลผลิตออกสม่ำเสมอได้ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ผู้สนใจเห็ดลม ควรฝึกปฏิบัติและสังเกตเทคนิคให้ดี จึงจะประสบผลสำเร็จในการเพาะ
นอกจากนี้เกษตรกรบางราย อาจใช้วิธีรดน้ำที่ก้อนเพาะให้ชุ่ม แล้วนำผ้าพลาสติกมาคลุมกองไว้ 2-3 วัน เมื่อเริ่มเห็นตุ่มดอกจึงลดอุณหภูมิในโรงเรือนและระบายอากาศให้ดอกเห็ดเจริญต่อไป การให้ผลผลิตของเห็ดกระด้างแต่ละครั้งจะทิ้งช่วงห่างกัน 15-20 วันในแต่ละรุ่นการเก็บผลผลิต :
ควรเก็บดอกเห็ดในขณะที่ปลายขอบหมวกยังโค้งงอ ลักษณะคล้ายการเก็บดอกเห็ดขอนขาว จะได้ดอกเห็ดที่มีคุณภาพ หวานนุ่ม เหมาะที่จะนำไปผัดหรือซุป หากเก็บดอกเลยระยะดังกล่าว จะทำให้ดอกเห็ดทีได้เหนียว เคี้ยวยาก เช่น ดอกที่เก็บในธรรมชาติ แต่คนท้องถิ่นพื้นเมือง ก็มีภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยนำดอกไปฉีก หรือสับ ก่อนปรุงเป็นลาบหรือใส่แกงแค (แกงพื้นเมืองภาคเหนือ) นับเป็นเห็ดที่อร่อยชนิดหนึ่งเลยทีเดียว
แหล่งที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น